ความไม่สมเหตุสมผลของ PTTGC
หากนับอันดับหุ้นที่น่าผิดหวังที่สุดในปีนี้ 1 ใน 10 อันดับของตลาดหุ้นไทย คงต้องยกให้หุ้นของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รวมอยู่ด้วยอย่างเลี่ยงไม่พ้น
ราคาหุ้นของ PTTGC ร่วงลงจากยอดสูงสุดครั้งสุดท้าย ที่ระดับ 80 บาทในวันที่ 23 ธันวาคม 2556 หลังจากนั้นก็ถอยร่นลงมาต่อเนื่อง
คำอธิบายสาเหตุการถดถอยของราคาหุ้นบริษัทของบรรดานักวิเคราะห์จากสำนัก โบรกเกอร์ที่ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 22 เดือน มีหลายสาเหตุ นับแต่ 1) การหยุดโรงงานตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีโดยไม่บอกล่วงหน้า 2) ความกังวลของนักลงทุนในเรื่องแผนปฏิรูปพลังงานของ คสช. ที่จะทำให้อนาคตของธุรกิจปิโตรเคมีไทยอยู่ในภาวะหม่นมัวไม่แน่นอน
คำอธิบายทั้งสองอย่าง เป็นการตอบแบบเลี่ยงบาลีทั้งสิ้น เพราะหาความสมเหตุสมผลไม่ได้เลยว่า เหตุใดราคาหุ้นที่เคยถือว่าโดดเด่นอย่างมากของบริษัทในเครือ ปตท. จึงกลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนเมินได้อย่างไร เพราะว่า คำตอบแรกเป็นอดีตจะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้และกำไรของบริษัทมากนัก และคำตอบหลังคือบริษัทกลายสภาพเป็นหุ้นการเมือง
PTTGC เกิดจากการควบรวมของ 2 บริษัททางด้านปิโตรเคมี คือ PTTCH และ PTTAR เมื่อกลางปี 2554 โดยที่หลังจากการควบรวมแล้ว บริษัทมีรายได้และกำไรโดดเด่นมาโดยตลอด โดยมีรายได้ ปี 2555 และ 2556 เกินกว่า 5.5 แสนล้านบาท มีกำไร ปีละเกินกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท หรือมีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 5.90 ต่อเนื่อง
ปีนี้ ในไตรมาสแรก PTTGC เจอปัญหาใหญ่คือ มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานหลายแห่งของบริษัทอย่างกะทันหัน การใช้กำลังการผลิตลดต่ำลง ทำให้กำไรร่วงลงมา ซึ่งราคาหุ้นก็ขานรับสอดคล้องกัน แต่ในไตรมาสสองของปี บริษัทกลับมาทำการได้เหมือนเดิม ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน เกือบ 30% โดยมีกำไรมากถึง 6.08 พันล้านบาท ซึ่งทำให้กำไรสุทธิครึ่งแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.238 หมื่นล้านบาท ลดลงประมาณ 25% จากปีก่อน
การลดลงของกำไรอาจจะส่งผลต่อราคาหุ้นได้ เป็นเรื่องเข้าใจไม่ยาก แต่นักวิเคราะห์มักจะพูดกันซ้ำซากว่า ราคาหุ้นนั้น ไม่ได้คิดจากอดีต แต่เป็นการคิดจากอนาคต ดังนั้น หากพิจารณาโดยข้อเท็จจริงที่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งผู้บริหาร PTTGC บอกว่าได้เริ่มฟื้นตัวแล้วและจะต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี สมทบด้วยการที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในสายโอเลฟินส์ที่เป็นธุรกิจหลักของ บริษัทฯยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ้นปีนี้มั่นใจว่ารายได้และEBITDA จะเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 10% ราคาหุ้นของบริษัทนี้ ก็ควรจะพลิกกลับตัวขึ้นตามหลักของ let profit run นั่นคือ ผลประกอบการสะท้อนออกมาในราคาหุ้น
ในข้อเท็จจริง ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะราคาหุ้นของ PTTGC กลับร่วงต่อไปอีก ล่าสุดอยู่ที่ระดับเหนือกว่า 62 บาทเท่านั้น ห่างไกลจากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์เคยระบุกันเอาไว้ว่า ราคาที่เหมาะสม น่าจะอยู่ที่ 85 บาท
เมื่อเหตุผลทางด้านกำไร ไม่สามารถอธิบายการร่วงของราคาได้ ก็มีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อเรียกร้องของ คสช. ที่ ให้มีการปฏิรูปพลังงาน (ซึ่งไม่รู้แปลว่าอะไรชัดเจนที่มีเป้าหมายหลักของกลุ่มเรียกร้องคือโจมตี กลุ่มบริษัทในเครือ ปตท.ให้จมดิน) จะทำให้เกิดผลกระทบกับราคาได้ง่าย เพราะกลายเป็นหุ้นที่ราคาเปราะบางต่อการโจมตีทางการเมือง
เหตุผลดังกล่าวอธิบายได้ไม่ชัดเจน เพราะข้อเท็จจริงที่เป็นกรณีศึกษาคือ ราคาหุ้นของกลุ่มอินทัช (กลุ่ม ชินเดิม) ซึ่งถูกกระหน่ำโจมตีด้วยข้อกล่าวหาทางการเมืองหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าจะกระทบไม่น้อย แต่ก็รีบาวด์กลับได้อย่างรวดเร็ว เพราะผลประกอบการที่ดีเยี่ยม โดดเด่น
นักวิเคราะห์บางสำนัก ประเมินว่า ผลกระทบต่อราคาจากการโจมตีของกลุ่มต่อต้านบริษัทในเครือ ปตท. จะเกิดผลทางลบต่อกำไรของ PTTGC ที่ระดับ 6.77 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 2557 ซึ่งหากหักจากราคาเป้าหมาย จะอยู่ที่ระดับ 78 บาทเศษ ซึ่งจะทำให้ค่า พี/อี ของบริษัทอยู่ที่ 10 เท่า (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาวของ PTTGC) ซึ่งจะถูกหักกลบด้วยการเติบโตของกำไรในไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะงดงาม จะส่งผลให้ราคาหุ้นถูกผลักดันให้ปรับตัวสูงขึ้นอีก
เหตุผลก็คือ มูลค่าปัจจุบันของ PTTGC ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับโรงงานระดับเดียวกันในภูมิภาคอาเซียน เพราะมีค่า พี/อี ที่ 9.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 19.6 เท่าอยู่มาก และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสำหรับปี 2557 ที่ 4.9% ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 2.9% อีกด้วย แถมยังมีค่า ROE ที่ระดับสูงกว่า 12% ซึ่งเกินมาตรฐานของวอร์เรน บัฟเฟตต์อีกต่างหาก
ไม่เพียงเท่านั้น พื้นฐานทางการเงินของบริษัทก็มิได้เลวร้ายอะไรเลย เพราะล่าสุด ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท ที่ระดับ ‘AA(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ของบริษัทฯ ที่ระดับ ‘AA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
ราคาหุ้น PTTGC กลายสภาพเป็นหุ้นที่เปราะบางต่อปัจจัยภายนอกอย่างน่าเวทนา ทั้งที่ควรจะแข็งแกร่งกว่านี้
ปริศนาที่ราคาหุ้น PTTGC ไม่สมเหตุสมผล จึงย้อนกลับมาสู่คำถามอยู่ที่ว่า เกิดจากธรรมชาติของตลาดหุ้นไทยมีลักษณะไม่สมเหตุสมผล หรือว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบัน เป็นพวกลงทุนแบบไม่สมเหตุสมผล กันแน่
ใครจะให้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดว่า อย่างไหนกันแน่ที่ทำให้ราคาหุ้นบริษัทนี้ กลายเป็นหุ้นที่มีสภาพเหมือนกับบริษัทย่างเข้าสู่หลุมดำของอนาคต ก่อนที่จะกลายเป็นหุ้นเสื่อมศรัทธาของตลาด
– ข่าวหุ้น 3 กย. 2014